สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3) ได้รับการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1155 ว่ามีกลุ่มบุคคลทั้งคนไทยและต่างด้าว ลักลอบประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ มีการนำเที่ยวด้วยการใช้รถยนต์ 4 ล้อวิบาก (ATV) ในเส้นทางถนนท้องนาง-ท้องนายปาน หมู่ที่ 2 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ในวันที่ 15 ต.ค. 2568 พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สุราษฎร์ธานี และฝ่ายปกครอง อ.เกาะพะงัน ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางเข้าสนามบินฯ ถนนเส้นท้องนาง-ท้องนายปาน
จากการซุ่มสังเกตการณ์ เจ้าหน้าที่พบกลุ่มบุคคลกำลังขับขี่ ATV นำนักท่องเที่ยวต่างชาติไปท่องเที่ยว จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถ โดยสามารถควบคุมตัวผู้กระทำความผิดได้ 5 ราย พร้อมของกลางเป็นรถ ATV และรถบักกี้ รวม 11 คัน
โดยมีผู้ต้องหาและข้อกล่าวหา ดังนี้
ชาย อายุ 19 ปี (สัญชาติไทย) ข้อหาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต (หัวหน้ามัคคุเทศก์) พร้อมของกลางรถ ATV และรถบักกี้ รวม 11 คัน
ชาย อายุ 39 ปี (สัญชาติไทย) ข้อหาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ชาย อายุ 53 ปี (สัญชาติไทย) ข้อหาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ชาย อายุ 26 ปี (สัญชาติเมียนมา) ข้อหาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานไม่มีใบอนุญาตทำงาน
ชาย อายุ 25 ปี (สัญชาติเมียนมา) ข้อหาประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานไม่มีใบอนุญาตทำงาน
จากการสอบถาม หัวหน้ามัคคุเทศก์ ให้การยอมรับว่า ตนเองมารับจ้างขับขี่ ATV นำเที่ยวให้กับบริษัท ๆ หนึ่ง โดยทำหน้าที่อธิบายและสาธิตวิธีใช้รถ ATV ระบบเกียร์ เบรก แจกจ่ายและช่วยสวมใส่ชุดป้องกันการบาดเจ็บ (ชุดเซฟตี้) พร้อมทั้งขับรถนำหน้าพาลูกค้าต่างชาติไปท่องเที่ยว ขณะถูกจับกุมมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 15 คน โดยใช้รถวิบาก 6 คัน (ATV 5 คัน และบักกี้ 1 คัน) ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องจ่ายค่าบริการคนละ 2,000 บาท และตนได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน เดือนละ 15,000 บาท
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการย้ำเตือนให้ผู้ประกอบการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ อย่างเคร่งครัด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ และสร้างความเชื่อมันให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในเกาะพะงัน
สำหรับบริษัทดังกล่าว จดทะเบียนในชื่อหญิงไทย แต่มีสามีเป็นชาวอิสราเอล ลักษณะการให้บริการมุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าชาวอิสราเอลโดยเฉพาะ ทั้งป้ายร้านและโฆษณาเป็นภาษาฮีบรู ใช้การติดต่อผ่านแอปฯ เป็นหลัก เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ว่าเข้าข่ายเป็นนอมินีหรือไม่ หากพบความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ส่วนลูกค้าที่จองทัวร์ บริษัทต้องรับผิดชอบคืนเงินเต็มจำนวน เนื่องจากไม่สามารถให้บริการตามสัญญาได้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขอกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับบริษัทผู้เป็นนายจ้าง ในความผิดฐาน 1. เป็นนายจ้างจ้างบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นนายจ้างจ้างบุคคลต่างด้าวประกอบอาชีพมัคคุเทศก์