รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับกลุ่มผู้เสียหาย ที่ไปซื้อบ้านจากนายหน้าคนหนึ่งชื่อยายสวย ที่สร้างบ้านในพื้นที่ ตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี มาขายให้คนที่กู้ธนาคารไม่ได้ ไม่มีสเตตเมนต์ ติดเครดิตบูโร แต่สุดท้ายพบว่ายายสวยเอาบ้านของคนอื่นมาหลอกขาย จ่ายเงินจ่ายทองไป แต่ไม่ได้กรรมสิทธิ์บ้าน
คุณพร ผู้เสียหายคนแรก เล่าว่า เห็นโพสต์ขายบ้านในเพจของท้องถิ่น มีคนๆ หนึ่ง ชื่อ ยายสวย มาโพสต์ขาย เป็นบ้านปูนชั้นเดียว 50 ตร.ว. ในตำบลสร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ตนสนใจจะซื้อบ้านหลังนี้ เพราะตนติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร ไม่สามารถซื้อบ้านด้วยวิธีกู้ธนาคารได้ จึงตกลงไปดูบ้านจริงแล้วถูกใจ ตกลงซื้อขายกับยายสวย คนขายบ้าน ยายสวยบอกว่าให้ผ่อนตรงกับเขาได้เลย โดยยายสวยบอกว่า มีนายทุนอีกคนเป็นคนสร้างให้
ราคาเฉพาะบ้านอย่างเดียว ราคา 8 แสนบาท ถ้าเอาที่ดินข้างๆ ขนาด 50 ตร.ว. ข้างๆ ก็ขายด้วยในราคา 7.5 แสนบาท ตนก็เลยตกลงซื้อทั้งบ้นและที่ดินข้างๆ รวมเป็น 1.55 ล้านบาท ยายสวยขอเงินดาวน์รวม 5 หมื่นบาท ถามว่าถ้าตนไม่ซื้อเขาจะเอาที่ดินไปทำอะไร ยายสวยบอกว่า ยายสวยจะมาสร้างบ้านข้างๆ ตนไม่อยากอยู่ใกล้ใคร เพราะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนปากไม่ค่อยดี จึงเลือกที่จะซื้อที่ดินข้างๆ ไปเลย
วางเงินจองก่อน 5 พันบาท แล้วไปกู้จากเพื่อนมาร้อยละ 20 เอาเงิน 5 หมื่นบาทมาจ่ายเงินดาวน์ให้ยายสวย แล้วยายสวยบอกว่าถ้าจ่ายเงินครบ 5 หมื่น ให้ย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย เพราะตนก็ไม่ไหวจะจ่ายค่าเช่าบ้านด้วย จ่ายค่างวดบ้านให้ยายสวยด้วย
พอย้ายเข้ามาอยู่ สิ้นเดือนยายสวยเก็บเงิน 7 พันบาทก่อน เพราะยังไม่ได้โอนบ้านเป็นชื่อตน ยายสวยบอกว่างั้นเก็บเป็นค่าเช่าก่อน
ต่อมาพอย้ายเข้าไปอยู่ 3 ชีวิต กับลูกๆ 2 คน แล้วพอย้ายเข้าไปอยู่ไม่นาน มีคนชื่อเจ๊นุช เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบ้าน ตนก็งงว่ามันยังไง สับสนไปหมด แต่ยังไม่ทันได้ถามความจริง ยายสวยรีบมาแยกเจ๊นุชออกไป แล้วหายไปด้วยกัน ก่อนจะกลับมาบอกคุณพรว่า เจ๊นุชคือนายทุนที่ยายสวยบอก
แต่คนในพื้นที่บอกว่า ที่ดินที่สร้างบ้านหลังนี้ จริงๆ เป็นที่ของคนขายไก่ในตลาด จ้างยายสวยมาสร้างบ้านให้ แต่พอสร้างเสร็จเขาไม่ถูกใจ เพาะสร้างมาทรงอย่างกับโลงศพ เขาเลยไม่อยากอยู่ ไม่มีใครอยู่ ยายสวยก็เลยเอาบ้านไปขายต่อให้เจ๊นุช
สุดท้ายพอเรื่องราวมันยุ่งเหยิง อีรุงตุงนัง เจ๊นุชซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงของบ้าน บอกว่าสงสารคุณพร จะขายบ้านหลังให้คุณพร ในราคา 8 แสนกว่าบาท แต่ก่อนจะทำสัญญาใหม่กัน ให้คุณพรไปเคลียร์กับยายสวยก่อน ไปเอาเงินประมาณ 6 หมื่นกว่าบาท ที่จ่ายไปเป็นเงินดาวน์ ค่าใช้จ่ายอะไรต่างๆ เอาคืนมาให้หมด แล้วมาทำสัญญาซื้อขายบ้านกันจริงๆ เสียที
แต่ปรากฏว่าพอคุณพรไปขอเงินคืน ยายสวยกลับไม่ยอมคืนเงิน บอกว่า ถ้าขายไม่ได้ในราคา 1.5 ล้าน จะไม่ขายให้คุณพร พอตกลงกันไม่ได้ ไม่ยอมคืนเงิน คุณพรจึงบอกว่างั้นจะไปร้องสื่อ
ขณะที่คุณโอภาส พ่อค้าผลไม้ในตลาดอีกคนที่มาขอซื้อบ้านจากยายสวย เป็นบ้านอีกหลังหนึ่งใกล้ๆกับบ้านที่คุณพรซื้อไป เป็นบ้าน 60 ตร.ว. ราคา 6 แสนบาท แต่สุดท้ายเขามาบอกว่าเขาหาเอกสารสิทธิ์ว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านไม่เจอ แล้วให้เราหยุดผ่อนไปก่อน จนกว่าเขาจะหาเอกสารเจอ แต่หลังจากนั้นเขาก็ตัดน้ำตัดไฟ สุดท้ายเราต้องย้ายออกจากบ้านมา อยู่ไม่ได้ ซึ่งทนายแก้วมาดูเอกสารของคุณโอภาส ก็เห็นว่า บ้านที่ป้าสวยเอามาขาย เป็นบ้านที่ถูกยึด ถูกบังคับคดีไปแล้ว รอขายทอดตลาด แต่ป้าสวยกลับเอามาขายคนอื่น
เช่นเดียวกับคุณสุวรรณ ที่ตั้งใจจะซื้อบ้านไว้อยู่ในบั้นปลายชีวิต สุดท้ายมารู้ว่าบ้านที่ตัวเองส่งงินผ่อนมาเป็นปีๆ ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของป้าสวย มีคนมาบอกว่าป้าสวยโกงที่ดินเขามา ถึงกับเข่าทรุด ทำไมการอยากมีบ้านสักหลังมันถึงยากเย็นขนาดนี้ สามีก็เครียดหนักจนล้มป่วยเสียชีวิตไป ป้าสุวรรณเล่ามาถึงตรงนี้ก็ถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมา
ด้านป้าสวย โฟนอินเข้ามาในรายการ พยายามชี้แจงเฉไฉ ว่าไม่ได้โกง ไม่ได้หลอกลวงใคร ที่ดินเป็นของนายทุน นายทุนเซ็นอนุญาตให้ตนปลูกสร้างบ้านเพื่อขาย ตนมีสิทธิ์ขายจริงๆ แต่การที่กรรมสิทธิ์บ้านถูกโอนไปเป็นของคนนั้นคนนี้ เป็นเพราะเรื่องหนี้สินต่างๆ แล้วบ้านของคุณโอภาสที่ถูกยึด ก็เพิ่งจะมาเกิดหลังจากที่คุณโอภาสไม่ยอมจ่ายค่างวด แต่ในเรื่องนี้ก็มีคำโต้แย้งว่า ป้าสวยเองต่างหากที่บอกให้คุณโอกาสหยุดจ่าย
คำแก้ตัวของป้าสวยวกไปวนมา และพยายามจะเฉไฉไปต่างๆ นานา จนทำให้ทนายแก้วต้องเข้ามาเบรกว่า พฤติกรรมของป้าสวย เป็นลักษณะของการฉ้อโกง ซึ่งยังเป็นคดียอมความได้ แต่ถ้าผู้เสียหายหลายคน รวมตัวกัน โดนกันมาเยอะๆ จะกลายเป็น “ฉ้อโกงประชาชน” เป็นอาญาแผ่นดินยอมความไม่ได้ แบบนี้ป้าสวยมีโอกาสติดคุก โทษหนักแน่นอน
มาถึงช่วงท้าย เมื่อป้าสวยเริ่มไปต่อไม่ได้ จึงยอมรับปากว่าจะคืนเงินผู้เสียหาย โดยเงินของคุณพร ประมาณ 6 หมื่นบาท จะคืนให้เป็นเงินสด ภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนของจัมโบ้ โอภาส 2 หมื่นกว่าบาทจะคืนให้ภายในวันที่ 15 ก.ค. ส่วนของป้าสุวรรณ จะเป็นภายในสิ้นเดือน ก.ค. ซึ่งในเรื่องนี้ต้องไปทำบันทึกกันที่โรงพัก
แต่ทางผู้เสียหายบอกว่า ไม่อยากได้เงินคืนแล้ว อยากดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะลักษณะของป้าสวยไม่สำนึกเลย และถ้าคืนเงินแล้วจบ เท่ากับที่ผ่านมาป้าไม่มีความผิด ซึ่งมันยอมไม่ได้ ยังไงก็จะต้องดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนให้ถึงที่สุด