มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

เปิดใจญาติ “น้องแพน” ปมเงินบริจาค 4.8 ล้าน พ่อโผล่ฟ้องขอคนเดียว ด้านทนายแท็กทีมชี้ พินัยกรรม “ฉบับแรก” เท่านั้นที่ชอบด้วยกฎหมาย


ข่าวด่วน
7 พฤษภาคม 256815,179
เปิดใจญาติ “น้องแพน” ปมเงินบริจาค 4.8 ล้าน พ่อโผล่ฟ้องขอคนเดียว ด้านทนายแท็กทีมชี้ พินัยกรรม “ฉบับแรก” เท่านั้นที่ชอบด้วยกฎหมาย

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2568) รายการ “โหนกระแส” เปิดเวทีพูดคุยกรณีดราม่าเงินบริจาคของ “น้องแพน” หรือ น.ส.จิดาภา วัย 34 ปี ผู้ป่วยมะเร็งช่องปากที่เคยเป็นข่าวดัง โดยในรายการวันนี้มี ยายและน้าสาวของน้องแพนมาร่วมพูดคุย พร้อมด้วย นายดิเรก ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกร รัตนกุล ในฐานะผู้ให้ความรู้ข้อกฎหมาย

 

กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากน้องแพนเสียชีวิตไปเมื่อเดือนกันยายน 2567 โดยก่อนเสียชีวิตมีประชาชนร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ 7 ล้านกว่าบาท และเหลืออยู่ราว 4.8 ล้านบาทในวันที่จากไป ซึ่งน้องแพนได้ทำพินัยกรรมแบ่งเงินไว้ให้กับยาย น้า และหลาน ส่วนหนึ่งให้จัดพิธีศพ โดยไม่มีการระบุชื่อพ่อในพินัยกรรมฉบับแรก

 

ยายวัย 80 ปี และน้าสาววัย 47 ปี เผยในรายการว่า พวกตนดูแลน้องแพนตลอดช่วงที่ป่วย โดยเฉพาะในช่วงที่น้องแพนต้องกินข้าวพร้อมถือกระจกเพื่อดูมุมปากตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะกินไม่ได้ พวกตนไม่เคยทอดทิ้ง ขณะที่พ่อของน้องแพนแทบไม่เคยมาเยี่ยม แต่กลับมาโผล่ตอนมีเงินบริจาคและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สิน

 

ภายหลังน้องแพนเสียชีวิต มีการตกลงร่วมกันระหว่างยาย น้า และพ่อของน้องแพนว่า จะแบ่งเงินบริจาคตามสัดส่วน ยายได้ 1.2 ล้าน น้าได้ 1.5 ล้าน พ่อได้ 1.6 ล้าน และหลานอีก 5 แสน ซึ่งมีคลิปวิดีโอและเอกสารยืนยัน โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน

 

นายดิเรก ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวในรายการว่า ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังเสร็จพิธีศพ โดยตนเป็นผู้ดำเนินการ และยืนยันว่า ขณะน้องแพนยังมีชีวิต ได้พูดคุยและพยักหน้าเห็นด้วยกับพินัยกรรมที่จัดทำ ณ โรงพยาบาล โดยมีพ่อ ยาย และน้าอยู่พร้อมหน้า ซึ่งภายหลังพ่อก็เซ็นรับทราบข้อตกลงด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพ่อกลับฟ้องศาล ขอเป็นผู้ดูแลเงินทั้งหมดเพียงผู้เดียว ทำให้ยายและน้ารู้สึกผิดหวัง เพราะเห็นว่าไม่เป็นธรรม

 

ทางด้านทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย ให้ความเห็นว่า หากพินัยกรรมฉบับแรกมีลายเซ็นน้องแพนและเจ้าหน้าที่รัฐรับทราบ ถือว่าเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ส่วนฉบับที่ทำขึ้นภายหลังที่มีชื่อพ่อเพิ่มเข้ามา ถือเป็นโมฆะ เพราะไม่เป็นเจตนารมณ์ดั้งเดิมของเจ้าของทรัพย์ และยังไม่มีการยื่นขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน

 

แต่ที่เป็นประเด็นก็คือ น้องแพนมีบัญชีวส่วนตัวอีกบัญชี ที่ไม่ใช่บัญชีที่รับบริจาค ซึ่งเป็นบัญชีที่ไม่อยู่ในพินัยกรรม ซึ่งก่อนน้องแพนจะเสียชีวิต มีการโอนย้ายเงินจากบัญชีบริจาค มาไว้ที่บัญชีนี้บางส่วน เพื่อความสะดวกในการเบิกใช้ ดังนั้น บัญชีฉบับนี้จะถือเป็นมรดก ที่ไม่รวมอยู่ในพินัยกรรม หากพ่อไปยื่นต่อศาล ใช้สิทธิ์ทายาท เป็นผู้จัดการมรดก ก็อาจจะมาจัดการเงินในบัญชีนี้ได้ แต่ประเด็นคือยังไม่มีใครทราบว่า พ่อได้จดทะเบียนรับรองบุตรหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับแม่ของน้องแพนแน่นอน

 

ขณะเดียวกัน ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ซึ่งเคยช่วยดูแลคดีของน้องแพนในช่วงที่มีดราม่าเงินบริจาคเมื่อหลายปีก่อน ก็ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนจะขอเป็นฝ่ายยื่นคำร้องคัดค้านไม่ให้พ่อเข้ามาจัดการทรัพย์สิน ต่อให้พ่อไปจดทะเบียนรับรองบุตร มีสิทธิ์ในฐานะทายาท ก็ต้องบอกว่าตนจะนำสืบในการพิสูจน์ว่า เป็นทายาทที่มีความเหมาะสมจะได้รับมรดกหรือไม่ เพราะเห็นว่าไม่เคยมีบทบาทในการดูแลน้องแพนเลย

 

ล่าสุด ศาลจังหวัดระยองมีคำสั่งอายัดเงินบริจาค 4.8 ล้านบาทไว้ชั่วคราว และนัดให้ทุกฝ่ายเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยร่วมกันในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ แต่ก่อนหน้านี้ สุดสัปดาห์ ทนายไพศาลจะไปทำเรื่องเป็นทนายความให้กับทางฝั่งยายกับน้าแน่นอน

 


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#พินัยกรรม#น้องแพน#เงินบริจาค