แม่ยืนยันไม่ประกันตัวลูกชาย หลังคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกาย เผยอยากสั่งสอนให้เข็ดหลาบ จะได้ไม่ทำซ้ำอีก

จากการณีที่ ชาย อายุ 18 ปี ป่วยจิตเวช ได้เสพกัญชาจนมีอาการหลอน ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ใช้ปืนข่มขู่และนำมีดมาทำร้ายแม่บังเกิดเกล้าจนบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ได้เข้าจับกุมเอาไว้ได้ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวันนี้ (8 พ.ค.) ที่ สภ.คลองหลวง หญิง อายุ 45 แม่ของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เอาผิดลูกชายในข้อหาข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยแม่ กล่าวว่า ตนจะไม่ขอประกันตัวลูก เพราะอยากให้ลูกเข็ดหลาบ ไม่กล้ามาทำกับเรา หากปล่อยไปเขาก็จะมีพฤติกรรมกลับมาทำแบบนี้ซ้ำๆ อีก

ตนได้คุยกับลูกชายแล้วเมื่อคืนนี้ ซึ่งเขาก็บอกว่ายอมที่จะไปบำบัด เขายืนยันว่าไม่ได้เสพยา แต่ว่าเขาหงุดหงิดและหน้ามืด ซึ่งตนก็ได้ถามกลับไปว่า หากแทงแม่ แม่เป็นอะไรขึ้นมา แล้วลูกจะอยู่กับใคร ใครจะดูแล เขาก็ตอบว่าเขาหน้ามืด ไม่รู้สึกตัว ตนจึงบอกว่า “เดี๋ยวแม่จะพาหนูไปหาหมอนะแต่ตอนนี้ต้องดำเนินคดีไปก่อน” โดยผลตรวจจากแพทย์เมื่อคืนแจ้งว่า ไม่พบสารเสพติดในร่างกายลูกชาย ที่อาการกำเริบนั้นก็มาจากอาการทางจิตเวชที่น้องไม่ได้กินยามานาน

ด้าน พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัฐพัฒนคุณ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.คลองหลวง กล่าวว่า คุณแม่บาดเจ็บที่ข้อมือ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าช่วยเหลือ พ.ต.อ.อธิเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ ผกก.สภ.คลองหลวง ท่านก็ไปด้วยตัวเอง ซึ่งพอเจอตัวก็ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิดเอาไว้ได้ แล้วส่งตัวมาดำเนินคดีทันที

โดยเบื้องต้น ทางคุณแม่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับลูกชาย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวน และได้แจ้งข้อหากับลูกชายในข้อหาทำร้ายร่างกาย ระหว่างสอบปากคำ ลูกชายก็สารภาพว่าได้กระทำผิดจริง และยอมเข้าสู่กระบวน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งตัวไปฟ้องตามอำนาจของศาล ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งก็ต้องรอคำตัดสินของศาล

หากมีการปล่อยตัวผู้ต้องหามา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรีบประสานคุณแม่ เพื่อส่งตัวผู้ต้องหาไปบำบัดยังสถานรักษาบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวช รักษาให้เขาอยู่กับครอบครัวได้ ซึ่งแน่นอนว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคอยควบคุมดูแลการส่งตัวบำบัด เพื่อให้สิ้นกระบวนการ และทางคุณแม่จะได้มีความปลอดภัย

อัตราโทษตามกฎหมายในคดีดังกล่าว จำคุกไม่เกิน 3 ปี อยู่ในอัตราโทษของศาลแขวง แต่ว่าศาลอาจจะดูความหนักเบาที่เกิดกับผู้เสียหายด้วย ซึ่งศาลอาจจะเชิญแม่มาสอบถามว่าอยู่ในความรุนแรงระดับไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ในดุลยพินิจของอำนาจศาลเท่านั้น