จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวหัวอกของความเป็นพ่อที่เสียลูกชายไป โดยระบุข้อความว่า “หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่แทบสลาย ลูกชายคนเล็กต้องมาจากไป เพราะเหตุใดกันแน่?
ก็ใช่… ครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุ แต่จากเหตุการณ์นี้มองว่าหมอน่าจะช่วยน้องได้ หากทำตามขั้นตอนและวินิจฉัยอาการ พร้อมเพิ่มความใส่ใจคนไข้ให้มากกว่านี้ หรือรับมือไม่ไหวก็รีบส่งตัวน้องไป รพ. ประจำจังหวัดที่มีเครื่องมือพร้อมได้ แต่แล้วทำไม ทำไม ทำไม”
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ต.ทัพรั้ง อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา พบว่าญาติๆ ได้จัดเตรียมพิธีฌาปนกิจศพน้องบี (นามสมมติ) บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีเพื่อนๆ และญาติๆ มาร่วมส่งครั้งสุดท้าย โดยเฉพาะผู้เป็นแม่นั้นอยู่ในอาการเศร้าโศก ร้องไห้ตลอดเวลา เพราะยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สาเหตุของการเสียชีวิตนั้นทางญาติไม่ติดใจ แต่แค่สงสัยและอยากตั้งคำถามไปยังหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของ รพ. เพราะถ้ามีการตรวจและวินิจฉัยอาการบาดเจ็บที่ดีกว่านี้ น้องบีอาจจะรอดชีวิตก็ได้
พ่อของน้องบี เล่าว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 มิ.ย. ลูกชายประสบอุบัติเหตุ จยย. ล้ม ศีรษะฟาดพื้น ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้นำตัวส่ง รพ.สต. ในพื้นที่ ก่อนที่จะถูกส่งตัวต่อไปที่ รพ. แห่งหนึ่ง แพทย์แจ้งว่าลูกชายตนอยู่ในอาการมึนเมา ไม่พร้อมที่จะให้การรักษา จึงต้องให้สงบสติอารมณ์ก่อน โดยให้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบมากิน และให้นอนดูอาการตั้งแต่เวลา 19.30- 02.00 น.
กระทั่งอาการทรุดลงเรื่อยๆ ตนได้จับดูชีพจรและจับมือลูกชายดู เริ่มไม่ตอบสนอง ก่อนจะมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก และมือเกร็ง หลังจากนั้นไม่นานชีพจรก็ไม่มีแล้ว แพทย์จึงได้พยายามปั๊มหัวใจอยู่นาน จึงกลับมามีชีพจรอีกครั้ง เวลา 05.00 น. ก่อนจะส่งตัวลูกชายไปที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา
แพทย์ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้ทำการเอกซเรย์สมองพบว่ามีเลือดคั่งอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาไม่นานลูกชายของตนก็เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนและครอบครัวรู้สึกติดใจมาก ว่าเพราะเหตุใดแพทย์จึงไม่รีบส่งตัวลูกชายไป รพ.มหาราชฯ ตั้งแต่ทีแรก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าลูกชายตนประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส และได้รับผลกระทบทางสมองจนหมดสติ ถ้าส่งตัวไปตั้งแต่ทีแรกก็น่าจะทำให้ลูกชายของตนรอดชีวิต เรื่องนี้ตนเชื่อว่าเกิดจากความบกพร่องของ รพ. แรก จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวด้วย
นอกจากนี้ ในระหว่างพิธีฌาปนกิจ ยังมีผู้เสียหายรายอื่นถือรูปผู้เสียชีวิตเข้ามาในงาน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับญาติที่เสียชีวิตไปด้วย
‘ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง’ พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพในครั้งนี้ด้วย โดยต้นอ้อ เผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากญาติผู้ที่เสียชีวิต ที่อาจไม่ได้รับการรักษาที่ดีจาก รพ. ดังกล่าว โดยขณะนี้มีติดต่อมาที่มูลนิธิเป็นหนึ่งแล้วประมาณ 10 ราย ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเป็น รพ. เดียวกันทั้งหมด อยู่ในห่วงระหว่างปี 66-67
แม่ของ ด.ญ. อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตจากไส้ติ่งแตก และผู้ใหญ่บ้านที่แค่ท้องอืด ไม่อุจจาระหลายวัน ไป รพ. หมอให้น้ำเกลือ 3 ขวด เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่แพทย์ระบุสาเหตุของการเสียชีวิต ว่าเกิดจากหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งทุกคนก็คาใจ แต่ด้วยความที่ทุกคนเป็นชาวบ้าน ก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใครได้
เมื่อเกิดกรณีของน้องบี ซึ่งได้นำเรื่องราวไปโพสต์ลงในโซเชียล ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ มาคอมเมนต์และแชร์เรื่องราวลักษณะเดียวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนมองว่าถ้าหมอวินิจฉัยดีๆ น้องก็อาจจะไม่เสียชีวิตก็ได้ เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันก็ทันสมัยหมดแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ญาติผู้เสียชีวิตก็ควรจะได้รับความยุติธรรม
พรุ่งนี้ (20 มิ.ย.) ตนจะพาญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ไปที่กระทรวงสาธารณสุข โดยได้ประสานนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ที่จะรอรับเรื่องอยู่ที่กระทรวงฯ
เรื่องนี้ตนไม่ได้โทษผู้บริหารของ รพ. ฝ่ายเดียว แต่ต้องโทษทั้งระบบ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล ถึงระดับผู้บริหาร มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบทั้งระบบ และไม่ใช่จะให้ตรวจสอบเฉพาะ รพ. นี้ แต่ต้องตรวจสอบทุก รพ. ที่อยู่ตามชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศด้วย เพราะเป็น รพ. ของรัฐบาล กินภาษีของชาวบ้าน ชาวบ้านทุกคนที่ไปหาเขาเป็นผู้ป่วยที่ต้องการได้รับการรักษาอย่างมีคุณภาพ
วันนี้เราต้องบูรณาการตรวจสอบ รพ. ทั่วประเทศ และตนอยากฝากถึงบุคลากรทางการแพทย์ว่า การจะเป็นหมอหรือพยาบาลต้องมีจิตสำนึกในการรักษาผู้ป่วยเป็นสำคัญก่อน ถ้าไม่พร้อมที่จะมารักษาผู้ป่วย ก็อย่ามาทำอาชีพนี้เลย เมื่อมาทำอาชีพนี้แล้วก็ต้องพร้อมที่จะทำงานช่วยรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ เข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำมาก ทำน้อย ก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม แต่ต้องอย่าลืมว่ายังมีคนอีกหลายคนอยากจะเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนพวกคุณ เมื่อคุณมีโอกาสได้ทำหน้าที่นี้แล้ว ก็ควรทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยเหมือนเป็นญาติของตัวเอง ลองคิดดูว่าถ้าญาติพี่น้องของคุณไป รพ. แล้วได้รับการปฏิบัติแบบนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร