รายการโหนกระแสวันนี้ จากกรณีดรามาร้อนแรงในโซเชียล หลังจากที่เพจ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้โพสต์เรื่องราวของอดีตสามี ที่ออกมากล่าวหาอดีตภรรยาซึ่งเป็นอินฟลูฯ ชื่อดัง ว่านอกใจไปมีความสัมพันธ์กับนักร้องดัง จนทำให้ทั้งสองฝั่งจบที่การหย่าร้าง โดยอดีตสามีเพิ่งทราบเรื่องทั้งหมดเมื่อเป็นข่าว
นอกจากนี้ อดีตสามียังอ้างว่าถูกหลอกให้เซ็นใบหย่า แต่ยังคงคบหาและอยู่กับอดีตภรรยา ทรัพย์สินทั้งหมดที่ทำมาหาได้มาด้วยกั ก็เป็นชื่อของอดีตภรรยา นำไปประเคนให้นักร้องดัง และที่ช้ำที่สุดคือ อดีตสามีถูกห้ามไม่ให้เหยียบเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่บ้านหลังดังกล่าวก็ถือว่าเป็นของอดีตสามีด้วยนั้น
ล่าสุด เพจอีซ้อฯ ได้อัปเดตฝั่งฝ่ายหญิง ซึ่งก็คือ CEO สาวคนดัง “จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง” ที่โพสต์ว่า ได้เข้าแจ้งความอดีตสามี หลังออกมาแฉ ‘ความสัมพันธ์รักร้าว’ เจ้าตัวลั่นทำอะไรอยากให้คิดถึงลูก อย่าเอาแค่สะใจ...
ล่าสุดวันนี้ “ตั้ม” อดีตสามีของจ๊ะโอ๋ ได้มานั่งในรายการโหนกระแส โดยมีทนายชายพัฒน์ มานั่งเป็นทนายคนกลาง
นายตั้ม เล่าว่า ที่ผ่านมาอยู่กินกับคุณจ๊ะโอ๋มา 15 ปี มีลูก ลูกคนโตเป็นลูกติดของคุณจ๊ะโอ๋ ส่วนลูกคนเล็ก เป็นลูกของตนกับคุณจ๊ะโอ๋ด้วย เคยมีทะเบียนสมรส แต่ไม่เคยรับรู้เลยว่าภรรยาไปมีข่าวอะไรกับใคร เพราะตนไม่ได้เล่นโซเชียล ไม่ได้ติดตามข่าวอะไรในโลกออนไลน์เลย จนวันที่ 26 มิ.ย. 2566 ภรรยาโทรมาตามช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ให้เข้าไปเซ็นใบหย่า ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยไม่ได้ให้เหตุผลว่าหย่าทำไม ตนก็ไป ไม่ได้ถาม คิดเอาเองว่าคงเป็นเรื่องธุรกิจ แต่ก็ไปเซ็นให้ เซ็นเสร็จก็กลับมาบ้าน ทำสวน เลี้ยงสัตว์ตามปกติ แล้วก็ยังอยู่กิน นอนห้องเดียวกับภรรยาเรื่อยมา
ต่อมา ลูกมาบอกว่า ไปโรงเรียนแล้วโดนเพื่อนล้อ เรื่องที่แม่ไปมีข่าวอะไรต่างๆ นานา จึงระแคะระคาย มาไล่ดู ก่อนจะลองเอาการ์ดจากกล้องหน้ารถมาฟังเสียงที่บันทึกไว้ในรถ ได้ยินเสียงภรรยาของตน กับนักร้อง นัดแนะจะไปเที่ยวไหนกัน ตกลงกันอย่างนั้นอย่างนี้ จนมั่นใจว่า เขาแอบนอกใจ ไปมีอะไรกับนักร้องคนนี้แน่นอน แล้วตนก็นอนห้องเดียวกับจ๊ะโอ๋ เวลาเขาโทรคุยกัน ตนก็ได้ยินอยู่ตลอด
ตั้มบอกว่า ตอนที่อยู่กันแรกๆ จ๊ะโอ๋จนมาก เราลงทุนให้เขาทำธุรกิจ จนเริ่มขายของได เงินที่ทำมาหาได้จากการขายสครับ เป็นรายได้หลักในครอบครัว ยืนยันว่าเงินที่ทำมาหาได้ เป็นเงินที่ทำมาร่วมกัน เขาไลฟ์ขาย ส่วนตนลงแรง วิ่งรับของ รับวัตถุดิบให้เขา เงินได้มาก็ใช้กระเป๋าเดียวกัน เลี้ยงดูลูก หลังจากที่หย่ากัน เขาบอกให้รอก่อน เดี๋ยวจะกลับมาจดทะเบียนกันใหม่ รอเรื่อยมา แต่ก็ไม่ได้จด
หลังจากตนเจอคลิปในกล้องหน้ารถ ตนก็ไปตามหาหลักฐานอื่นๆ จนเจอว่ารูปอยู่ใต้ฐานพระ เป็นรูปของจ๊ะโอ๋ กับนักร้องชายทีเป็นข่าวกับเขา เรียกได้ว่าใจสลาย แต่ก็อดทนเรื่อยมา คุณตั้มยังเอาคลิปจากกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ดูว่า เมื่อเดือน พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา ยังมีภาพที่จ๊ะโอ๋จะขับรถเข้า กทม. ไปทำธุระ ก่อนออกจากบ้านยังเดินมาจุ๊บปากกับตนก่อนออกจากบ้านอยู่เลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนอดทนมาเสมอ เพราะจะโอ๋บอกให้รอ อดทนรอ นอนฟังเขาคุยโทรศัพท์กับนักร้องทั้งคืนก็อดทน จนวันสุดท้ายที่มีเรื่องทะเลาะกัน คือตนทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยเป็นที่มาของคลิปเสียงต่างๆ ที่เพจอีซ้อเอาออกมาเปิด
ฟังมาถึงตรงนี้ ทั้งพี่หน่วง และ ทนายพัฒน์ ต่างก็งงไปตามๆ กัน ว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไร เพราะคุณตั้มยืนยันว่าไม่ใช่เรื่อง ตกลงว่าจะอยู่กัน 3 คนผัวเมีย แต่เป็นเรื่องที่ตนอดทนเก็บกดเรื่องเมียไปคุยกับชายอื่น เพื่อรอให้เขาเลิก แล้วกลับมาอยู่เป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม
แต่ทางด้านเพจ นิกกี้ขยี้ข่าว มีคลิปเสียงมาเปิดเป็นคลิปสนทนาระหว่าง คุณตั้ม กับ จ๊ะโอ๋ พูดคุยกันเรื่องให้ช่วยหาผู้หญิงให้ตั้มด้วย ขอแบบหาเงินได้ เลี้ยงดูได้ ขอที่แบบซื่อสัตย์ แบบที่ตั้มซื่อสัตย์อยู่กับโอ๋ เพราะ “พี่รู้แล้วว่าหนูไม่เอาพี่แล้ว” ตั้มบอกว่าอันนี้เป็นการพูดหยอกล้อแกมประชด แต่จำไม่ได้ว่าเป็นคลิปเมื่อปี 2566 จริงไหม
ตอนที่รู้ว่าจ๊ะโอ๋ไปแจ้งความจับตน บอกเลยว่าเสียใจมาก นั่งร้องไห้อยู่ที่บ้าน เพราะตนรักลูกมาก การที่เขาไปแจ้งความ ลูกเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของตนเลย รับส่งเขาไปโรงเรียนทุกวันๆ เขาไปแจ้งความ ไปกล่าวโทษตนแบบนี้ มันไม่ใช่แล้ว
ที่เขากล่าวหาว่าตนขึ้นบ้านไปขโมยของหลังจากที่หย่ากันไปแล้ว มันไม่จริง ตนเข้าไปเอาของที่เป็นของตน ก็คือพระเลี่ยมทอง ส่วนทรัพย์สินต่างๆ ที่ทำมาหาได้ด้วยกัน มันเป็นชื่อของคุณจ๊ะโอ๋ทั้งหมด ตนไม่เคยทักท้วงว่าอยากให้เป็นชื่อเรา เพราะคิดแค่ว่าซื้อมา หามา มาใช้ด้วยกันในครอบครัว แต่พอถึงเวลาจะเลิกรา แยกย้าย ตนกลับถูกไล่ไม่เหลืออะไรเลย
ทนายพัฒน์ บอกว่า ในมุมของกฎหมาย เรื่องทรัพย์สินที่หามาในตอนที่มีทะเบียนสมรส ถือเป็น สินสมรส ถึงเวลาที่ต้องแบ่งกัน ก็ต้องหารครึ่ง แบ่งกันครึ่งๆ ตรงไปตรงมา
แต่ทรัพย์สินที่ได้มาในตอนที่ไม่มีทะเบียนสมรส ถ้ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไปอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวม คนที่ร้องก็ต้องนำสืบให้ได้ว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวมอย่างไร ทำมาหาได้กันอย่างไร แล้วเวลาแบ่ง ก็ต้องแบ่งตามสัดส่วน จะไม่หารกันแบบสินสมรส
ส่วนเรื่องที่จ๊ะโอ๋อ้างว่า ตนไปเอาปืนจ่อหัวลูก ขอบอกว่าไม่จริงเลย ตนไม่เคยแม้แต่จะคิด ปืนตนก็ไม่มี จะเอาปืนที่ไหนไปจ่อ แล้วตนรักลูกมากๆ เป็นแก้วตาดวงใจ ไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จ๊ะโอ๋ ได้ฝากคำถามมาถามว่า ตั้มติดพนันตีไก่จริงไหม เอาเงินของเมียไปตีไก่จริงไหม ตั้มก็ยอมรับว่าจริง ตีไก่มานานแล้วตั้งแต่ก่อนจะมาเจอจ๊ะโอ๋แล้ว เป็นกิจกรรมที่ชอบทำมาตั้งแต่แรกๆ เขาให้เงินมาก็ไปตีไก่จริง ได้เงินมาก็มาคืนให้เขา ให้ลูกได้กิน วันไหนเสียมันก็มีบ้าง
ถามว่าคุณตั้มเคยพูดกับลูกจริงไหมว่า แม่เขาเป็นผู้หญิงไม่ดี เคยพูดจริงไหมว่าให้ลูกเตรียมเรียนโรงเรียนวัดได้เลย ก็ยอมรับว่าพูดจริง พูดไปด้วยอารมณ์ แล้วคิดว่า ถ้าเลิกรากันจริง ลูกตนจะเอามาเลี้ยงเอง เพราะอยู่กับลูกมาไม่เคยห่างกัน มีแค่ตอน 1 มี.ค. ที่ทะเลาะกันแล้วตนออกจากบ้านมา ทำให้ต้องห่างกับลูก ลูกยังไลน์มาหาตนอยู่เลยว่า คิดถึงพ่อ รักพ่อ วันเกิดลูกตนยังไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกเลย
จ๊ะโอ๋ยังถามว่า ก่อนหน้านี้ ตั้มทำอาชีพอะไร ทำถูกกฎหมายไหม ตั้มยืนยันว่า เคยทำธุรกิจสีเทา แต่ไม่บอกว่าทำอะไร แต่ตอนที่ทำสีเทาที่ว่านี้ ก็ทำกับจ๊ะโอ๋มาตลอด ช่วยกันทำ แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว รายได้ต่างๆ ก็ได้มาจากสครับ เป็นเรื่องใสสะอาดหมดแล้ว ไม่ได้ทำแล้ว
ธงที่ตั้งไว้ ตอนนี้ไม่อยากให้เขากลับมา แต่อยากให้เอาทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ เอามาแบ่งกัน เพราะเป็นสิ่งที่ตนควรจะได้เหมือนกัน แต่ถ้าถามว่า เขาจะกลับมาคืนดีได้ไหม ตั้มยืนยันว่าไม่เอาแล้ว ไม่ขอกลับไปอยู่ด้วยกันอีกแล้ว
เมื่อถาม สันต์ น้องคนสนิท ที่มานั่งด้วยกันในรายการวันนี้ ว่าพี่หน่วงกับทนายพัฒน์ จะต้องกินอาหารหมาไหม สันต์ก็บอกว่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมก็กลัวต้องกินอาหารหมาเหมือนกัน
สันต์ยังบอกว่า ตั้มรักลูกมาก เวลาออกมานั่งเล่นด้วยกัน ลูกโทรมาตามก็จะรับกลับบ้านทันที แล้วยอมรับว่า พี่ตั้มเขาก็รักเมียมากๆด้วย
ขณะที่พี่สาวของตั้ม โฟนอินเข้ามา ช่วยน้องชายพูดเพราะน้องชายพูดไม่ค่อยเข้าประเด็น สิ่งที่เขาต้องการสื่อสารคือ เขาถูกอดีตภรรยากับชายคนใหม่ร่วมมือกันบังคับให้เขาต้องออกจากบ้านมามือเปล่า ทั้งที่ทำมาหากินด้วยกันกี่ปี หลังจากวันนี้ ถ้าจะเลิกรากัน จะแยกทางกันจริง ก็อยากให้ฝ่ายหญิงมาเจรจาจบกันดีๆ เอาทรัพย์สินมาแบ่งกันครึ่งๆ เงินสดไม่มีแล้วก็ว่ากันไป แต่อสังหา บ้าน ที่ดิน ต้องแบ่งครึ่ง หนี้สินก็หารครึ่ง ให้ตั้มเขาออกมาสร้างเนื้อสร้างตัว ดูแลลูกต่อไป แล้วฝ่ายหญิงจะไปอยู่กับแฟนใหม่ ก็เรื่องของเขาไป