จ่าทหารบก กลับจากชายแดน มาเยี่ยมแม่ที่กรุงเทพ กลับถูกกลุ่มวัยรุ่น นับ 10 คน หาเรื่อง ยืนขวางถนน พอลงไปตำหนิ เจอรุมทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนหัก หลังเกิดเหตุแจ้งความคดีไม่คืบ โร่ร้องเพจดังช่วย
18 ต.ค. 68 ที่ศูนย์ประสานงาน เพจสายไหมต้องรอด ถ.วัดเกาะ เขตสายไหม ได้มีทหารบก ยศ จ.ส.อ. อายุ 46 ปี ที่พึ่งกลับจากชายภาคใต้ เพื่อมาเยี่ยมแม่ที่ถูกรถชน เข้าร้องเรียนนายเอกภพ เรืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้ง เพจสายไหมต้องรอด หลังจากถูกกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติด ประมาณ 10 คนเข้ามาหาเรื่องก่อนจะรุมทำร้ายจนกว่าจ.ส.อ.มินทร์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนหัก เหตุเกิดที่บริเวณชุมชนวิศวะร่วมใจ จากนั้นได้เดินทางไปแจ้งความที่สน. พญาไท แต่คดีไม่คืบหน้า
ผู้เสียหาย เล่าว่าในวันที่ 30 กันยายน ตนเองกำลังจะออกไปรับแฟนสาวที่ห้างพอออกมาที่ปากซอยหมู่บ้านก็เจอกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คน ก่อนจะมีหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นพยายามเข้ามาเหมือนจะทำร้ายโดยการต่อย ตนจึงลงจากรถเพื่อมาตำหนิ เพราะไม่รู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นแต่ทำไมถึงมาทำพฤติกรรมแบบนี้ พอตำหนิไปแบบนั้นทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจ ได้เข้ามารุมทำร้ายทั้งเตะทั้งต่อยรวมถึงใช้อาวุธที่มีลักษณะคล้ายไม้เข้ามาตีทำร้าย ตัวเองพยายามที่จะวิ่งหนีเข้าไปในหมู่บ้านประมาณ 20 เมตร แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ไม่ยอมปล่อยวิ่งไล่ตามทำร้ายจนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนข้างขวาหัก ขาเป็นแผลต้องล้างหนองทุกวัน ศีรษะได้รับแรงกระทบกระเทือนทำให้ตอนนี้พูดช้า ใบหน้าบวมช้ำ
โดยยืนยันว่าไม่รู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้เพราะตนเองรับราชการทหารตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน หลังจากตัวเองออกจากโรงพยาบาลได้เข้าแจ้งความที่สน. พญาไท แต่สิ่งที่ตัวเองติดใจ คือทำไมจะต้องรอผลนิติเวชที่ส่งตัวเองไปตรวจร่างกายทั้งที่บาดแผลตามร่างกายของตนเองนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว และพอไม่มีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทางกลุ่มวัยรุ่ยก็ได้มีการโพสต์โซเชียลข่มขู่คนในครอบครัว และอีกหนึ่งอย่างที่ติดใจ คือทำไมหลักฐาน และคำให้การที่ตนเองมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงตกไปอยู่ในมือกลุ่มวัยรุ่น
ต่อมาแม่ของ จ.ส.อ. เผยว่า กลุ่มวัยรุ่นพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านได้ประมาณ 2-3 ปี กว้านซื้อที่บริเวณหน้าชุมชนเอาไว้รวมตัวกัน ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งตนเองเคยได้ยินมาว่าถ้าหากกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่พอใจใคร หรือมีเรื่องกับใครก็จะเข้าไปทำร้ายร่างกายถึงในบ้านแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครเอาเรื่อง เพราะมักจะจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย เพื่อไม่ให้เป็นคดีความ ทำให้คนในชุมชนกลัว และไม่กล้ายุ่งกับวัยรุ่นกลุ่มนี้ รวมถึงวัยรุ่นกลุ่มนี้ยังมีพฤติกรรมใช้สารเสพติด ปล่อยเงินกู้ ทำตัวกร่างอยู่ภายในชุมชน
ส่วนหัวโจกของกลุ่มนี้ทางครอบครัวทราบว่าคือหัวหน้าวินภายในชุมชน เพิ่งออกมาจากคุก และมักจะเข้าออกคุกเป็นประจำ เชื่อว่ากลุ่มนี้น่าจะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีการแอบอ้างว่า "ไปแจ้งความเลยกูไม่กลัว รู้จักกับ น.1" อีกอย่างหนึ่ง คือกลุ่มนี้มีเงินใช้ไม่ขาดสายทั้งที่ก็ไม่เห็นทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน
ส่วนในวันที่เกิดเหตุมีคนมาบอกว่าลูกชายถูกทำร้าย ร่างกายจึงรีบออกไปดูลูกชายพอเห็นสภาพของลูกชายแล้วเธอก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก และพยายามตะโกนถามว่า ใครทำ พอตั้งสติได้เธอมั่นใจว่าคนที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกชายจะต้องเป็นวัยรุ่นที่อยู่บริเวณปากซอยชุมชนอย่างแน่นอน พอไปถาม วัยรุ่นกลุ่มนั้นกลับรวมตัวเข้าหาตนเองเหมือนจะทำร้ายร่างกาย และท้าให้ไปแจ้งความ
ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ไม่กล้าดูคลิปวิดีโอที่ลูกลูกชายทำร้ายพอหันไปเห็นหน้าลูกชายที่มีบาดแผลก็ร้องไห้ออกมาทุกครั้ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีเพราะแจ้งความไว้นานแล้ว แต่คดีเหมือนยังไม่คืบหน้า
ด้านนายเอกภพ ระบุว่าทำไมต้องรอผลนิติเวชทั้งที่บาดแผลตามร่างกายของผู้เสียหายก็สามารถดำเนินคดีได้เลย พอไม่ดำเนินคดีก็ทำให้ผู้ก่อเหตุโพสต์ข่มขู่จนคนในครอบครัว จึงมองว่าทางสน. พญาไทจะต้องเร่งดำเนินการการที่ปล่อยให้ล่าช้าก็เหมือนก็ไม่ยุติธรรมกับผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายเป็นทหารทุกวันนี้ทหารก็ทำหน้าที่มาอย่างหนักแต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
แต่ในเบื้องต้นได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.ธนพล กลิ่นเกษร. ผกก.สน.พญาไท เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้าทางคดี ทางพ.ต.อ.ธนพล ระบุว่าได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุ 4 คน รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เหลืออีก 3-4 คน อยู่ระหว่างการให้ชุดสืบเร่งล่าตามตัว ในเบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนที่มีการแอบอ้าง น.1 พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เชื่อว่าเป็นเพียงแค่การแอบอ้างของกลุ่มผู้ก่อเหตุเท่านั้น