ตร.ยันไม่ได้ล่าช้า คดีแก๊งทวงหนี้โหดยายวัย 72 ชี้รู้ตัวกลุ่มผู้กระทำผิด 3 ใน 4 แล้ว เผยตั้ง 3 ข้อหาหนัก
ทีมงานสายไหมต้องรอดนำโดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ พาคุณยายวัย 72 ปี ผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบทำร้ายร่างกายหน้าคอนโด เข้าติดตามความคืบหน้าทางคดีกับตำรวจ สน.โชคชัย โดยมี พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 และ พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคชัย มาร่วมพูดคุยกับคุณยายผู้เสียหาย
ซึ่งทางด้าน พล.ต.ต.ธนันท์ธร เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ล่าช้า เพราะทางตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ดำเนินการพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันแรกที่คุณยายมาแจ้งความแล้ว เพียงแต่ว่า การจะออกหมายจับจะต้องสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน ซึ่งได้นัดคุณยายให้มาสอบปากคำไปแล้วเมื่อวานนี้ แต่คุณยายไม่สะดวกมาพบ จึงจะได้ดำเนินการสอบปากคำในวันนี้อย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับต่อไป
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ทำความผิดได้แล้ว 3 ราย จากทั้งหมด 4 ราย โดยในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปสอบผู้กระทำความผิดแล้ว หากพบตัวก็อาจจะเชิญมาให้ข้อมูล หรือรอหมายจับออกก็จะดำเนินการจับกุมทันที
เบื้องต้นจากพฤติการณ์แล้ว สามารถตั้งได้ 3 ข้อหา ได้แก่ ประกอบกิจการสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท และใช้ความรุนแรงในการติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งมีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ นอกจากนี้หากได้ตัวผู้ทำความผิดแล้วสอบสวนพบว่า ได้กระทำความผิดฐานอื่นอีก ก็จะเพิ่มข้อหาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธนันท์ธร เปิดเผยอีกว่า ขอให้ทางผู้เสียหายสบายใจได้ เพราะเนื่องจากสามารถที่จะติดตามตัวผู้ทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เนื่องจากต้องเป็นไปตามโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ ที่ต้องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ติดตามทวงหนี้อย่างผิดกฎหมาย
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มคนนอกพื้นที่ สน.โชคชัยและ บก.น.4 อาจมีความเป็นไปได้ว่า กลุ่มผู้ทำความผิดกลุ่มจะ มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน หากพบหัวโจกหรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ก็เอาผิดอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน พบกลุ่มเจ้าหนี้ทั้ง 3 ราย ที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ โดยมีรายงานว่า 1 ใน 3 มีประวัติถูกออกหมายจับในท้องที่ สน.มีนบุรี ในคดีคล้ายคลึงกัน 3 ข้อหา ส่วนผู้กระทำความผิดอีก 1 รายนั้นอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล