“ดร.แก้วช่วยได้” จับมือ พมจ.นนทบุรีช่วย 3 แม่ลูกป่วยหนักอาศัยบ้านผุพัง ไร้เงินรักษา

จากกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามายังเพจเฟชบุ๊ก “ดร.แก้วช่วยได้” ว่ามีครอบครัวหนึ่งใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก 3 คน แม่-ลูก ซึ่งป่วยหนักกันทั้งบ้าน โดยแม่เป็นผู้สูงอายุ ป่วยเป็นโรคไต พี่ชายคนโตเป็นถุงลมโป่งพอง และน้องชายคนเล็ก เป็นโรคหลอดเลือดในสมอง อยู่กันลำพังภายในบ้านเก่าๆ สภาพทรุดโทรม ภายในซอยสามัคคี 34 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

ล่าสุด วันนี้ (31 ส.ค.67) ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว ประธาน กต.ตร.สภ.รัตนาธิเบศร์ และผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านปูนหลังเก่า ภายในบ้านเริ่มผุพัง แต่มีรั้วรอบขอบชิด เข้าไปภายในบ้านพบหญิง อายุ 78 ปี พักอาศัยอยู่ภายในห้องพักเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะซูบผอม ขาทั้งสองข้างบวม

โดยหญิงคนดังกล่าวเล่าว่า ตนป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ และเป็นโรคไตระยะสุดท้าย แพทย์ได้นัดผ่าตัดแล้วแต่ตนไม่สามารถที่จะผ่าตัดได้ เพราะทราบจากทางโรงพยาบาลว่าในการผ่าตัดนั้นจะต้องใช้เงินส่วนต่างถึง 30,000 บาท และเมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วต้องมีการดูแลรักษาตัวเองอีกหลายอย่าง รวมถึงต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาลด้วย จึงยอมที่จะไม่เข้ารับการรักษา และคิดว่าถ้าจะต้องตาย เพราะไตวายก็คงต้องยอม ชีวิตลำบากมาก ตั้งแต่ลูกชายทั้ง 2 คน เริ่มล้มป่วย ลูกชายคนเล็ก อายุ 45 ปี เส้นเลือดในสมองตีบกลายเป็นคนพิการ ส่วนลูกชายคนโต อายุ 46 ปี เป็นโรคถุงลมโป่งพอง ทำงานหนักไม่ค่อยได้ ตอนนี้รับซ่อมรองเท้ามีรายได้ เพียงวันละ 150 บาท

ทุกวันนี้ตนได้รับเงินเบี้ยคนชรา 700 บาทต่อเดือน พร้อมกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 600 บาท รวมแล้วมีรายได้ 1,300 บาทต่อเดือนก็เอาไว้กินไว้ใช้ และจ่ายค่าไฟ ซึ่งก็แทบจะไม่พอเลี้ยงปากท้อง 3 คน แม่-ลูก ชีวิตลำบากมากจนชาวบ้านที่คอยรับ-ส่งพระบิณฑบาตนำข้าววัดมาให้ตนกินทุกวัน และบางเดือนต้องลุ้นหาเงินมาจ่ายค่าไฟ โดยลูกชายคนโตเพิ่งมีคนมาจ้างให้ซ่อมรองเท้า ได้ค่าจ้างวันละ 150 บาท แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกวัน ต้องใช้เงินส่วนนี้เก็บไว้เป็นค่าไฟเพราะค่าไฟที่บ้านแพงมาก เดือนหนึ่งเกือบ 2,000 บาท

หญิงคนดังกล่าวยังบอกอีกว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่วันนี้มี ดร.แก้ว และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ลงพื้นที่มา ตนอยากจะให้ทางหน่วยงานช่วยดูแลลูกชายที่ป่วยทั้ง 2 คน เพราะทั้ง 2 คน ยังไม่ได้รับเงินเบี้ยคนพิการเลย ทั้งที่ลูกชายมีลักษณะที่ไม่ปกติดูแล้วยังไงก็พิการอย่างแน่นอน

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวนี้น่าสงสารมาก ป่วยกันทั้งบ้าน ต่างคนต่างช่วยดูแลกัน ทั้งที่เป็นคนป่วย โดยเฉพาะหญิง อายุ 78 ปี แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าต้องผ่าตัดรักษาโรคไตระยะสุดท้าย แต่เธอเลือกที่จะไม่ผ่าตัดและใช้ชีวิตต่อไป เพราะรู้ว่าถ้าผ่าตัดมาต้องมีคนดูแลช่วยเหลือ แต่ลูกทั้ง 2 คนก็ป่วย เธอก็ไม่อยากเป็นภาระให้ใคร และสภาพบ้านของครอบครัวนี้ก็ผุพังไปหมด แม้แต่ประตูห้องน้ำก็ไม่มี ส้วมก็เต็มจะขับถ่ายทีก็ลำบาก ตนรู้สึกดีใจมากที่วันนี้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ที่ผ่านมาตนทำได้แค่นำอาหารมาให้กิน และบางครั้งก็ต้องเรี่ยไรเงินกันช่วยจ่ายค่าไฟให้

ด้านนายพงษภัทร แสงพิทูร นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ จังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะดำเนินการช่วยเหลือให้หญิง อายุ 78 ปีเข้าถึงสวัสดิการ การปรับปรุงสภาพบ้านของผู้สูงอายุที่มีงบให้ไม่เกิน 40,000 บาท จะดำเนินการประสานทางกระทรวงสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย และเรื่องการให้สิทธิ์ผู้พิการกับลูกชายของคุณยาย เพื่อที่จะได้เข้าสู่สวัสดิการแห่งรัฐต่อไป